หลังจากที่พ่ายคะแนนเสียแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต WBC และเข็มขันอันทรงเกียรติอย่างเดอะริงค์ให้กับ “เอล กัลโล” ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า ยอดมวยชาวเม็กซิโก เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ ความเคลื่อนไหวของ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ก็เงียบหายไป แม้ล่าสุดจะมีข่าวออกมาว่า อดีตแชมป์โลกขวัญใจชาวไทยกลับเข้าค่ายซ้อมเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาแล้วก็ตาม

 

 

ขณะที่ ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า เพิ่งป้องกันแชมป์ครั้งแรกได้สำเร็จด้วยการถล่ม ดีเวย์นี บีม่อน คู่ชกชาวอเมริกา จนกรรมการจับแพ้ไปในยกที่ 9 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม

 

หลังการชก เอ็ดดี้ เฮิร์น บอสใหญ่แห่ง แมตซ์รูม บ็อกซิ่ง ได้ประกาศชัดเจนผ่านทวิตเตอร์ และแหล่งข่าวชื่อดังอย่าง Boxing Scenc ว่า ไฟต์ต่อไปของ เอสตราด้า จะต้องชกล้มแชมป์กับ คาลิด ยาไฟ เจ้าของแชมป์โลก WBA รุ่นเดียวกันเท่านั้น และอาจจะวางคู่นี้ร่วมศึกใหญ่ “แอนดี้ รุยซ์ – แอนโทนี่ โจชัวร์” ภาค 2 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ ณ กรุงริยาร์ด ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเรียกความสนใจในวงการหมัดมวยได้เป็นอย่างมาก

 

เมื่อคำประกาศจากปากของหัวเรือใหญ่แห่งแมตซ์รูมออกมาแบบนี้แล้ว ทำให้แฟนมวยชาวไทยมีคำถามว่า สถานการณ์นี้จะออกไปในทิศทางใด?

หลายคนอดห่วงอนาคตของอดีตแชมป์โลกชาวไทยไม่ได้ เพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนนักชกไทยรายก่อนๆ ที่พอแพ้กลับมาก็ขาดการติดต่อจากโปรโมเตอร์ฝั่งอเมริกา ถึงแม้จะมีสัญญาการชกเหลืออยู่ก็ตาม

 

 

แต่สำหรับ ศรีสะเกษ แล้ว ชัยชนะที่มีเหนือนักชกที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์อย่าง โรมัน กอนซาเลซ ทั้งสองไฟต์ก่อนหน้านั้น มันอยู่เหนือความพ่ายแพ้ในไฟต์ล่าสุดของเขา ชื่อ “รุ่งวิสัย” ที่คนอเมริกันเรียกกันจนติดปากนั้น ยังขายได้จนถึงทุกวันนี้ และก็คงเป็นข้อสรุปว่า เรื่องที่ เอ็ดดี้ เฮิร์น จะปล่อย ศรีสะเกษ ลอยแพรนั้นตัดทิ้งไปได้เลย

 

หากมาคิดทบทวนดูแล้ว เอ็ดดี้ เฮิร์น คงมองว่า การจะจับ เอสตราด้า แก้มือกับ ศรีสะเกษ ในทันทีนั้น อาจไม่ได้รับความสนใจมากเท่าไหร่ เลยคิดการใหญ่ด้วยการเอา เอสตราด้า ไปล้มแชมป์กับ คาลิค ยาไฟ แชมป์โลก WBA รุ่นเดียวกันเพื่อสร้างมูลค่าทางการมวยให้มากขึ้น ซึ่งทั้งคู่เป็นมวยของแมตซ์รูมอยู่แล้ว

 

เฮิร์น อ่านขาดว่า ถ้าผู้ชนะเป็น คาลิค ยาไฟ จับมาชนกับ ศรีสะเกษ ในไฟต์ถัดไปจะยิ่งเรียกคนดูได้เป็นอย่างมาก เพราะแฟนมวยก็อยากเห็นคู่นี้ฟาดฟันกันบนเวทีมานานแล้ว แต่หากผู้ชนะกลายเป็น เอสตราด้า การเจอกับ ศรีสะเกษ ในภาคที่ 3 ก็ยังเป็นที่สนใจของแฟนมวยทั่วโลก และภาค 3 นี่แหละจะทำให้ทั้งคู่นั้นได้หายคาใจแน่นอน

 

ทั้งนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลการชกระหว่างคู่ เอสตราด้า กับ ยาไฟ ว่าจะจบลงอย่างไร หากชกกันสนุก แพ้ชนะเบียดกันสูสี ก็อาจจะมีรีแมตซ์ในทันที และเท่ากับว่า ศรีสะเกษ จะต้องบวกระยะเวลาของการรอคอยเพิ่มขึ้นไปอีก

 

หากคำนวณไทม์ไลน์ต่างๆแล้ว “เจ้าแหลม” อาจจะต้องรอถึง 6-8 เดือนเป็นอย่างน้อยในการตามล่าทวงบัลลังก์โลกคืนเป็นสมัยที่ 3

 

 

โดยในช่วง 6-8 เดือนนี้ เชื่อว่าทางนครหลวงจะต้องวางคิวให้ ศรีสะเกษ ชกอุ่นหมัดซักไฟต์ และมีข่าวแว่วๆว่า ศรีสะเกษ อาจจะได้ไปชกอุ่นเครื่องร่วมรายการใหญ่ที่อเมริกา ภายใต้การจัดของแมตซ์รูมในช่วงปลายปีนี้ ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องติดตามข่าวกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะชกที่ไหน และคู่ชกจะเป็นใคร ศรีสะเกษ จะต้องเรียกฟอร์มโหด ชนะน็อคสวยๆ เพื่อเรียกศรัทธาจากแฟนมวยกลับคืนมาให้ได้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการตามล่าบัลลังก์แชมป์โลกเป็นสมัยที่ 3 ให้ได้

 

ถึงเวลานั้น ไม่ว่า ศรีสะเกษ จะได้รีแมตซ์กับ เอสตราด้า หรือชกกับ ยาไฟ ต่างก็เป็นที่สนใจของแฟนมวยทั่วโลกอย่างแน่นอน

 

ไม่เพียงเท่านั้น การเจอผู้ชนะระหว่าง 2 คนนี้จะเป็นการชิงแชมป์โลก 2 สถาบัน นั่นแปลว่า ศรีสะเกษ อาจจะมีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลก 2 สถาบัน คนที่ 2 ต่อจาก สมาน ส.จาตุรงค์ ที่เคยทำได้เมื่อ 24 ปีที่แล้ว และการกลับมาของ ศรีสะเกษ ในครั้งนี้ จึงอาจจะทำให้เขายิ่งใหญ่กว่าครั้งที่ผ่านมาก็ได้

 

@ บทความข่าวโดย..คุณอ็มลี หมัดเด็ด

 

@ ลิงก์ต้นข่าว ::ไขแผนการของเอ็ดดี้ เฮิร์น : ศรีสะเกษจะต้องรออีกนานแค่ไหนในการทวงบัลลังก์ …

 

@ credit news –image :foxspor.co.th/sport.sanook

 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments