พูดถึงกีฬาการต่อสู้ หากคุณมีร่างกายไม่สมประกอบ จะทำให้คุณต้องพยายามอย่างหนักเป็นพิเศษเพื่อจะได้ต่อสู้กับคู่แข่งคนอื่นๆที่มีร่างกายสมบูรณ์กว่า รวมถึงได้รับการยอมรับจากผู้คนรอบข้าง แต่ นิค นิลล์ ผ่านมันมาได้ โชคชะตาเล่นตลกกับเขาตั้งแต่วันแรกที่เกิดมาเมื่อครอบครัวของ นีลล์ ได้รับข่าวร้ายว่าลูกชายของพวกเขาพิการแขนซ้าย โดยมีความยาวแค่เลยข้อศอกมาหน่อยเดียว
การเป็นผู้พิการแค่ใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไปก็ว่ายากแล้ว กระนั้นคุณแม่ของ นิลล์ ที่อยากให้ลูกชายรู้จักพึ่งพาและดูแลป้องกันตัวเองได้ จึงผลักดันลูกชายเข้าเรียนศิลปะการต่อสู้ โดยเฉพาะมวยปล้ำในชมรมกีฬาไฮสคูล โดยทีแรกนั้น นิลล์ ขอลาออกจากชมรมหลังเข้ารับการฝึกเพียงสัปดาห์เดียว ด้วยข้อจำกัดเรื่องแขน สู้กับใครก็ลำบากถึงขนาดโอดโอยว่า “มันคือสิ่งที่หนักหนาสาหัสที่สุดในชีวิต” แต่ความเข้มงวดของคุณแม่ทำให้เจ้าตัวปฏิเสธไม่ได้
แม้จะขัดขืนทีแรก แต่เพราะความพยายามอย่างหนักรวมถึงได้แรงบันดาลใจจาก จิม แอ็บบอตต์ ตำนานนักเบสบอลตำแหน่งพิทเชอร์ (ขว้างบอล) ที่พิการแขนขวาแต่ก็สู้จนประสบความสำเร็จคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 1988 ที่เกาหลีใต้ ทำให้ นิลล์ มีฝีมือเด่นเกินเพื่อนร่วมชมรม ถูกเลือกเป็นนักกีฬาตัวหลักและเก็บสกอร์เอาชนะคู่แข่งเพื่อนร่วมรุ่นมากมายกว่า 300 แมตช์ในการแข่งขันระดับไฮสคูลและมหาวิทยาลัยที่เจ้าตัวยังคงสานต่อพัฒนาฝีมือ
เป็นธรรมดาที่นักกีฬาสมัครเล่นย่อมอยากก้าวขึ้นไปเล่นอาชีพเพื่อยกระดับชีวิตให้ดีกว่า นิลล์ รู้ตัวเองทันทีว่าอยากลงแข่ง MMA ระดับอาชีพ หลังจากนั่งดูศึก ดิ อัลติเมท ไฟท์เตอร์ (TUF) สมาคม MMA ชื่อดังของสหรัฐฯ ร่วมกับรูมเมทอย่าง เคิร์ต ฮอว์กินส์ ซึ่งรายนี้ก็ไปได้ดิบได้ดีในฐานะนักมวยปล้ำของสมาคมอันดับ 1 ของโลก WWE และยังคงขึ้นปล้ำรายการหลักอยู่จนถึงวันนี้
“ผมเคยดูการต่อสู้รูปแบบนี้มาก่อน แต่ไม่ได้ประทับใจอะไรมากกระทั่งได้ชมการแข่งขัน TUF รู้สึกว่ามันเจ๋งกว่ารายการอื่นๆที่เคยดูมา ท่วงท่า การเคลื่อนไหวสวยงาม และนั่นก็ทำให้ผมตัดสินใจลองเข้ามาเส้นทางนี้ ต้องขอบคุณการเล่นมวยปล้ำ และรายการ มันเดย์ ไนท์ รอว์ (WWE) ที่พามาสู่ทางนี้” ชายเจ้าของฉายา “เดอะ โนโทเรียส” ย้อนความหลัง
นิลล์ ลงแข่ง MMA มาทั้งหมด 17 ไฟต์ ชนะ 15 แบ่งเป็นน็อค 2 ครั้ง ชนะคะแนน 3 ครั้ง จับซับมิชชั่นให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ 10 ครั้ง โดยเฉพาะท่าล็อคคอ กิโยติน โช๊ค ที่เป็นไม้ตายเด็ดเสร็จทุกราย ส่วนตัวเองแพ้ 2 ครั้งเท่านั้น การันตีคุณภาพความสามารถได้ดี กระนั้นช่วงแรกเขายอมรับว่าหาคู่ต่อสู้ลำบากเพราะส่วนใหญ่ไม่มีใครสมัครใจอยากสู้กับคนพิการ เพราะหลายคนมองว่าชนะไปก็ไม่น่าภูมิใจ ถ้าแพ้ขึ้นมาก็เสียหน้าเข้าไปใหญ่
ชัยชนะของ นิลล์ ที่จับ อันโตนิโอ คาสติลโญ จูเนียร์ ใส่ท่า เรียร์ เนคเค็ด โช๊ก (รัดคอจากด้านหลัง) จนตบพื้นยอมแพ้ในรายการล่าสุดเดือนพฤษภาคม ทำให้ นิลล์ ได้รับโอกาสจาก เบลลาเตอร์ เซ็นสัญญาสู้ศึกไฟต์ที่กำลังจะมาถึงกับ คอรีย์ บราวนิ่ง และหากชนะ นอกจากโอกาสต่อสัญญาใหม่ ก็มีลุ้นจะได้ไปแข่งรายการอันดับ 1 ของโลกอย่าง ดิ อัลติเมท ไฟท์ติง แชมเปียนชิป (UFC) เพราะ ดาน่า ไวท์ ประธานผู้ทรงอิทธิพลของสมาคม จับตาดูผลงานเขาตลอด
“การเป็นส่วนหนึ่งของรายการไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ แต่จะแสดงให้ดูว่าผมมาที่เบลลาเตอร์ ก็เพื่อคว้าชัยชนะ พวกเขาดีกับผมมาก แต่แค่ปลาบปลื้มว่าได้เซ็นสัญญากับพวกเขาอย่างเดียวมันไม่พอหรอก ผมต้องการชนะ มันจะทำให้ผมมีความสุขและเพิ่มความน่าตื่นเต้นให้แก่ตัวเองในอนาคต นั่นแหละสิ่งที่อยากได้” นิลล์ กล่าว
ปัจจุบัน นิลล์ นอกจากเป็นนักสู้ MMA ยอดฝีมือ ก็มีครอบครัวอบุ่น เขาแต่งงานกับ แดเนียล หญิงสาวที่คบหาดูใจกันมานานและไม่เคยติดใจกับปมด้อยเรื่องแขนข้างเดียวของเขา มีลูกชายชื่อ ไวแอตต์ เป็นพยานรัก เรียกว่าชีวิตมีความสุขทั้งในและนอกสนามสำหรับชายหนุ่มวัย 33 ปีคนนี้ แต่สิ่งที่เขาอยากถ่ายทอดให้ทุกคนเห็นก็คือ การเอาชนะขีดจำกัดที่มี เพื่อขึ้นมาเป็นคนที่แข็งแกร่งผู้ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ เหมือนที่เขาทำสำเร็จมาแล้ว
@ ลิงค์ต้นข่าว :: ใจบอกว่าไหว…แขนเดียวก็ไม่หวั่น “นิค นิลล์” นักสู้พิการแห่ง MMA
@ credit news –image : MGR sport