<<>> “มวยไทย ทำอย่างไรให้เป็นมรดกโลก..!?!? ” เคยมีวลีอมตะ เมื่อสมัย 20 กว่าปีก่อน ครั้งโปรโมเตอร์มือทองสมองเพชร “บิ๊กซ้ง” ทรงชัย รัตนสุบรรณ เคยบัญญัติเป็นสโลแกนโก้หรู เมื่อคราวธุรกิจมวยตู้ถ่ายทอดสด มวยไทยยกทีมต่อยต่างประเทศ เกิดขึ้นใหม่ๆในการรับรู้ของแฟนๆชาวไทยในบ้านเรา

 

ทว่า มวยไทย ยุคปัจจุบัน เกิดคำถามขึ้นจาก โปรโมเตอร์ใหญ่อย่าง “เสี่ยเน้า” วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ บอสใหญ่เพชรยินดีขึ้นว่า “ทุกวันนี้ มวยเวทีมาตรฐานเมืองไทย อย่าง ลุมพินี คนจัดเก็บยอดผ่านประตูเฉลี่ยแล้วแต่ละนัดได้เงินเพียง 3 แสนบาท คนจัดขาดทุน 1 แสนบาท ขณะที่ ราชดำเนิน เฉลี่ยเก็บเงินได้ 7 แสนบาท แต่ก็ยังขาดทุน 1 แสนบาทเช่นกัน ถามว่า มาตรฐานของความแตกต่างอยู่ตรงไหน ใครจะอธิบายได้บ้าง..!?!?

 

 

เมื่อประสบสภาวะความเป็นจริงเช่นนี้ โปรโมเตอร์ผู้จัดมวยไทยเวทีมาตรฐานจึงได้แต่รอวันตาย บางรายยื่นใบลาออกจากสนามนายสนามแล้วก็มี แต่ยังถูกยับยั้งไว้ก็มี ด้วยกลัวเป็นเรื่องเสียหน้าของเวที หลายคนจึงมีคำถามขึ้นว่า

มวยไทย กำลังถึงคราวตกต่ำเข้าสู่สถานการณ์คับขันเช่นนั้นหรือ ..!?!?

 

 

ทว่าในห้วงวิกฤตตกต่ำที่ว่า เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ศึกลุมพินีแชมเปี้ยนเกริกไกร จัดศึกใหญ่เรียกแฟนมวยเข้าสนามล้นหลาม แถมยังมีการถ่ายทอดสดให้ชมทั่วประเทศ ในนัดที่คู่เอก “กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย” เสมอ “เมืองไทย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” ไปอย่างดุเดือด “ชุ้น เกียรติเพชร” พีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ คุยโวว่า แมตช์ดังกล่าวสามารถเก็บค่าผ่านประตูได้เกิน 2.5 ล้านบาทไปเยอะ แม้จะไม่เผยยอดตัวเลขตรงๆตามนโยบายของทางสนาม แต่รายการดังกล่าว ก็มีโปรโมชั่นพิเศษลดแลกแจกแถม เปิดให้แฟนมวยได้ลุ้นโชครับเงินสดมากมายมูลค่านับล้าน หรือแม้กระทั่ง ศึกวันทรงชัยนัดต่อมาในวันรุ่งขึ้น (6 มิ.ย.61) วิกคู่แข่งฝั่งตรงข้ามคือ เวทีราชดำเนิน ก็ยังทำยอดค่าผ่านประตู ได้ถึง 1,334,800 บาท
เสมือนเป็นการบ่งบอกว่า หากจัดมวยดี มีตัวช่วย วงการมวยไทย ก็คงจะไม่ได้ตกต่ำเลวร้ายอย่างที่ใครหลายคนคาดคิด

 

 

   เรื่องนี้ “นายประเสริฐ หอธรรมรัตน์” สื่ออาวุโสวงการมวยอีกท่าน ผู้คลุกคลีอยู่รอบเวทีมวยเมืองไทยมานานหลายสิบปี ให้เหตุผล การจัดมวยอย่างน่าคิดว่า

“โดยหลักการของการจัดมวย จะทำอะไรก็ได้ ขอให้คนตีตั๋วเข้ามาดูเถอะ คู่มวยคู่เอกที่คนอยากดูอย่าง กุหลาบดำ แม้จะเคยแพ้เมืองไทยมาแล้ว ซึ่งตอนนั้นเป็นมวยรุ่นน้อง กระดูกสู้ไม่ได้ แต่คราวนี้ เมื่อฟอร์มเขาดีขึ้น การกลับมาพบกันในไฟต์ล่าสุดถือว่าชกได้เสียเลย ยิ่งเจ้าตัวได้นับก่อนยก 4 แม้สุดท้ายเจอลูกเก๋าประสบการณ์ ความพยายามของเมืองไทยไล่ยำตลอดในยกสุดท้าย ทั้งๆที่ตัวโดนนับแล้วน่าจะแพ้ ทว่าเมื่อครบห้ายก ผลตัดสินกลับออกมาเสมอกันแบบสนุก 2-1 เสียง คือเสมอสองเสียง จริงๆ ออกใครก็ได้ แต่เมื่อเสมอคนดูก็โอเค ยกเว้นคนเล่นได้เสียสองข้าง ก็คงบ่นนิดหน่อยเป็นเรื่องธรรมดา ภาพโดยรวมจึงถือว่าสอบผ่าน”

 

 

มื่อถามถึงเรื่องยอดผู้ชม นักข่าวรุ่นเก่าขยายความต่อ

“พูดถึงยอดค่าผ่านประตู มาถึงยุคนี้ เป็นยุคที่ลุมพินีเก็บตังค์ได้น้อยมากๆจนน่าใจหาย แต่มวยเมื่อนัดใหญ่ที่ผ่านมา ด้วยความที่มีคู่เอก ดึงคนดูได้ระดับหนึ่ง และยังมีการชิงโชคจากตั๋วชั้นสองและชั้นสาม มีคูปอง ชิงโชครถกระบะอีก 1 คัน ราคาล้านกว่าบาท และยังมีรางวัลอีก 30 ใบให้ผู้โชคดีคนละ 1 หมื่นบาท รวมเป็นเงิน 3 แสนบาท ซึ่งการจัดแบบนี้ เคยทำมาแล้ว 4-5 ครั้ง ครั้งแรกๆ มีการแจกรถฟอร์จูนเนอร์ด้วยซ้ำ โดย มี โตโยต้า เป็นสปอนเซอร์ใหญ่โฆษณาสนับสนุนแต่ผู้เดียวหมดทั้งรายการเลย ซึ่งเค้าทำได้..!!

“ด้วยความที่ดูมวยถูกใจ แล้วยังมีลุ้นบัตรชิงรถอีก บางคนซื้อบัตรหลายๆใบด้วยซ้ำ เป็นสิบๆใบเพื่อลุ้นโชค ซึ่งถือเป็นตั๋วน้ำจิ้ม เป็นผงชูรส ที่ทำให้คนแห่ไปดูมวยและซื้อตั๋วเพิ่มขึ้น ยอดคนดูอาจทำเงินได้ 2.6 ล้าน แต่จะเป็นไปแบบนี้ทุกนัดไม่ได้นะ เขาจะใช้ 1 ไตรมาศ จัดสักครั้งสองครั้ง หรือเฉลี่ยสามเดือนต่อนัด ทั้งนี้ต้องดูเหตุการณ์ ทิ้งช่วงจัดใหญ่สักหนึ่งนัด ต้องวางแผนล่วงหน้ากัน ค่อยว่ากันไป”

 

ยกตัวอย่างล่าสุด ตอนนี้ คนที่จะจัดมวยเงินล้านที่วิกลุมพินีอย่างนี้ได้ ก็คือ ชุ้น เกียรติเพชร ที่มี บริษัท โตโยต้า มาหนุน มี บริษัท เค มอเตอร์ อยู่เบื้องหลัง ส่วนเรื่องสถานีทีวีรองรับการถ่ายทอดสดหรือ เวลานี้เป็นเรื่องสุดโต่งเค้าไม่คำนึงถึงช่องแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นทีวีช่องยักษ์ใหญ่ หรือเก่าแก่ที่มีคนดูติดตามมานาน ขอเพียงมีสัญญาณฟรีทีวี แพร่ภาพสดได้ทั่วประเทศ ก็เพียงพอแล้ว เพราะคนดูสามารถติดตามได้หมด !!

มื่อเป็นเช่นนี้ จึงเกิดคำถามที่ว่า จะเป็นไปได้ไหมในอนาคตอันใกล้ที่จะมี แนวโน้มมวยถ่ายทอดออกจอตู้ให้ดูกันทุกวัน..??

นายประเสริฐ กล่าวว่า “มวยไทย ทุกวันนี้ ไม่ได้ตกต่ำอย่างที่บางคนเข้าใจนะครับ แต่ตรงกันข้าม มวยไทยกลับเจริญแพร่หลายมากขึ้น เพียงแต่รูปแบบการจัดของคนดู คนเล่นการพนันมันเปลี่ยนไป ประกอบกับ เวทีลุมพินี ปัจจุบันต้องเผชิญกับสิ่งคาดไม่ถึง หลังย้ายจากจากวิกเดิมย่านพระรามสี่มาอยู่รามอินทรา ต้องประสบปัญหาหนักที่แก้ไม่ได้คือ เรื่อง ชั่วโมงเร่งด่วน รถติดมาก ยกเว้นใครมีบ้านใกล้เวทีก็รอดตัวไป ปัญหานี้ทำให้คนดูน้อยลง ทางผู้บริหารเวทีเองก็มองข้ามความสำคัญตรงนี้ ปล่อยให้ โปรโมเตอร์กลัวขาดทุน เลยยอดให้ประกบคู่มวยธรรมดา ยิ่งจัดมวยแย่ จัดแบบดูถูกคนดู เพื่อเอาตัวรอด คนดูจึงยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ”

 

 

ปัญหาเช่นนี้เปรียบไปก็คล้ายดัง โปรโมเตอร์เปรียบเป็นหนู หนูกลัวแมว แมวคือนายสนาม เมื่อจัดแล้วเจ๊งไม่รู้จะทำไง คืนโควค้า ขอลาออก ก็มี แต่ทางเวทีไม่ให้ออก เพราะอายคนอีก ภาพที่ปรากฏขึ้นก็คือ ไม่มีคนเข้าเวทีมาดูมวย”

 

“จริงๆแล้วทุกวันนี้ มวยไทยไม่ได้ตกต่ำหรอกครับ แต่เป็นเพราะธุรกิจเริ่มเข้ามาเยอะแยะ โดยเฉพาะทีวี จัดถ่ายทอดกันทุกวัน ยิ่งวันเสาร์วันอาทิตย์ มีให้ดูกันถึง 3-4 ช่อง คนดู คนจัด คนเล่น เปลี่ยนสถานะไปหมด ดังนั้น มวยเวทีมาตรฐานจึงมีคนสนใจ น้อยลง แต่จะให้ไปตีตั๋วดูก็คงไม่ไป สู้ดูทีวี ฟังไลฟ์สด พากษ์มวยหูแทนเอาก็ได้ เพราะปัจจุบัน เราต้องยอมรับความจริงที่ว่า มีบ่อนมวยคู่มากับฟุตบอล เปิดรับแทงทั่วประเทศ ที่เปิดกันแบบไม่กลัว เพราะตำรวจก็ไม่เข้าไปยุ่ง และอีกอย่าง ตัวฐานรับพนันดันไปตั้งอยู่ตามประเทศเพื่อนบ้านข้างๆเรา อย่างในเขมร มีโต๊ะรับพนันเป็นสิบเจ้า ยังมีในพม่า แม่สอด อีกมากมาย ที่เราสาวมือไปไม่ถึง”

 

 

“วงการมวยไทยบ้านเรา ปัจจุบัน ต้องปรับตัวให้ทันโลก ต้องมีมิติมองให้ออก ซึ่งผมมองเป็น 3 มิติ หนึ่งเป็นศิลปะประจำชาติ มิติสองเป็นการพนัน มิติที่สาม เป็นธุรกิจ
เดี๋ยวนี้ เมื่อมีกีฬาเป็นศิลปะ ก็ต้องมีธุรกิจการจัดการเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งมีการพนันซึ่งแม้จะเป็นมานานแล้ว แต่เมื่อเติบโตขึ้นก็แพร่หลายขยายวงกว้างมากขึ้น เมื่อก่อนมวยไทยมี 5 ยก สมัยนี้ มีการปรับเปลี่ยน มีมวยชกสามยก มวยกรงก็มี หนำซ้ำล่าสุดยังมีมวยยกเดียวห้านาที มีความหลากหลายขึ้น ซึ่งมวยเป็นกีฬาประเภทเดียว ที่มี พรบ. มวย บัญญัติออกมาตั้งแต่ พ.ศ.2542 แต่ออกมาเพื่อ ส่งเสริม หรือสนับสนุนกีฬามวย เวลามีบทลงโทษ จึงมักจะไม่ค่อยบังคับใช้กัน จึงทำให้การกระทำผิดต่างๆที่เกิดขึ้น มักหย่อนยาน เรื่องมวยล้ม วางยา มวยขี้โกง จึงไม่ค่อยมีการลงโทษเด็ดขาดกัน”

 

mSQWlZdCq5b6ZLkrh7TCF55JEwgdV4ER-696x418

 

การแก้ไข คงยาก แต่ถ้าใครทำได้ ก็เป็นเรื่องน่ายินดี สรุป มวยก็เหมือนกีฬาอื่นๆทั่วไป ที่กำลังตื่นตัวขยับขยาย ทำเป็นอาชีพ ธุรกิจได้ ตามสภาพความเจริญของเทคโนโลยี บ้านเมือง ขณะเดียวกันโดยเฉพาะ สื่อทางทีวี ที่เพิ่มช่องขึ้นมามากมาย ระบบการสื่อสาร มีส่วนสำคัญ จะทำให้ ทีวีเดิมที่ผูกขาด หมดอำนาจลงไป ต้องมีการปรับระบบใหม่ ทีวีดิจิตอลที่แห่ไปประมูลกันมา ทุกคนต้องปรับตัว มวยไทยมันเป็นธุรกิจที่เปิดไฟเล่นควบคู่ไปกับวงการสีเทา ที่แฝงมากับการพนัน กำลังขยายตัว เป็นการเติบโตอย่างไร้ทิศทาง แต่มีนัยยะแอบแฝงอยู่มากมาย พูดง่ายๆเหลือเชื่อมาก มวย

 

จัดที่ไหนก็แล้วแต่ ถ้าไม่มีการพนัน ก็ไม่มีคนดู อยากดูเขาทรายชกสมัยก่อน เมื่อก่อนบัตรใบละสองพัน มีคนหลงซื้อก็มี แต่บัตรส่วนใหญ่ก็คือบัตรที่นักการเมืองเอาไปยัดให้ตำรวจบังคับขาย พอ คุณวัฒนา อัศวเหม จัดดูฟรีครั้งเดียว จากนั้นเขื่อนทำนบมวยโลกก็พัง จนต้องดูฟรีมาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันบัตรก็ขายไม่ได้ ต้องไปจัดเป็นลิเก ละครเร่ไปตามที่ต่างๆ นี่คือเรื่องจริง ผมจึงขอยืนยัน มวยไทย ไม่ได้ตกต่ำหรือเลือนหายไปไหน แต่กำลังเติบโตขนานใหญ่ อย่างไร้ทิศทาง…”

 

1429842850-hajimenoip-o-e15095843996061
new-logox2-e1416876872708

@ credit news –image :: khaosod.co.th /Sroi Mungmee /thairec live

 

 

 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments