<<>> คว้าชัยอย่างสวยสดงดงามสำหรับ กฤษดา คงศรีชาย โดยใช้ลีลามวยปล้ำชนะเทคนิคัลน็อคเอาท์เหนือ โรบิน คาตาลัน จากฟิลิปปินส์ ด้วยท่าบอดี้แบ็กซูเพล็กซ์ด้วยเวลาเพียงแค่ 2 นาทีเศษเท่านั้น ในศึกมวยกรง MMA รายการ “วัน แชมเปียนชิพ : ไอรอน วิลล์” (One Championship : Iron Will) ที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา
นักกีฬาไทยส่วนใหญ่บนเวที ONE Championship ล้วนมีพื้นฐานมาจากมวยไทยอาชีพ แต่สำหรับ กฤษดา มีจุดกำเนิดที่แตกต่างออกไป เพราะหนุ่มวัย 26 ปีชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช มีอดีตเป็นถึงนักมวยปล้ำแชมป์ประเทศไทย 13 สมัยพ่วงสถิติน่าทึ่งชนะ 180 ครั้งและแพ้แค่ 20 ครั้ง
นักกีฬาไทยส่วนใหญ่บนเวที ONE Championship ล้วนมีพื้นฐานมาจากมวยไทยอาชีพ แต่สำหรับ กฤษดา มีจุดกำเนิดที่แตกต่างออกไป เพราะหนุ่มวัย 26 ปีชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช มีอดีตเป็นถึงนักมวยปล้ำแชมป์ประเทศไทย 13 สมัยพ่วงสถิติน่าทึ่งชนะ 180 ครั้งและแพ้แค่ 20 ครั้ง
“ผมมาจากอาชีพนักมวยปล้ำ ไม่เหมือนนักกีฬาไทยคนอื่นๆ ในวงการกีฬาหรือองค์กรนี้ ผมไม่ได้มีปูมหลังกับมวยไทย มันก็ค่อนข้างผิดปกติเล็กน้อย แต่เมื่อผ่านไปหลายปีก็ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นทีละเล็กละน้อย” กฤษดา กล่าว
ก่อนขึ้นเวทีพบกับ โรบิน คาตาลัน ที่ผ่านสายตาทุกคนไปแล้วนั้น กฤษดา มีสถิติการสู้ในกรงรุ่นสตรอว์เวตชนะ 6 แพ้ 3 ครั้ง ซึ่งเจ้าซ้อมหนักมาก เพราะย้อนไปเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2016 พ่ายแก่ โจชัว ปาซิโอ ก่อนที่จะกู้ชื่อเอาชนะ เอเดรียน มาเธียส จอมพลังอินโดนีเซีย ด้วยการซับมิสชั่นด้วยท่า Rear-naked choke เมื่อราว 1 ปีที่ผ่านมา จากนั้นอีก 9 เดือนก็โชว์ฟอร์มเฉียบชนะ TKO เหนือ ราบิน ที่ชายของ โรบิน ตั้งแต่ยกแรก
แม้ว่าผลงานของ กฤษดา จะยกระดับดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้หลงระเริง “ผมเป็นคนที่คิดบวกมากๆ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ผมเอามันมาเรียนรู้เพื่อพัฒนา โดยจะทบทวนหลังการแข่งขันทุกไฟต์ด้วยการจดบันทึกทุกสิ่ง นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ได้รับจากมันและนั่นทำให้พัฒนาขึ้นทุกวัน ซึ่งก็หวังว่าปี 2018 นี้จะเป็นปีที่ผมประสบความสำเร็จ”
แน่นอนว่า กฤษดา นั้นมีทีมงานที่ยอดเยี่ยมไม่น้อยที่ต้องยกเครดิตให้อย่าง ทอมมี่ เฮย์เดน กับ พลวัฒน์ มากิ ตลอดจนสต๊าฟฟ์อย่าง ทีม ฮันเตอร์ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศไทย “ผมต้องการเป็นนัก มาร์เชียล อาร์ท ที่สมบูรณ์แบบ โดยเคยฝึกตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ซึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและเติมเต็มความฝันในชีวิต มันต้องมีการเสียสละและเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความสำเร็จ ผมจะใช้วิชามวยไทยและทักษะมวยปล้ำของตัวเองก้าวไปอีกระดับให้ได้”
การเอาชนะ โรบิน คาตาลัน ถือเป็นการกู้ชื่อกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากแพ้ เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค เพื่อนร่วมชาติเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จนตอนี้ กฤษดา หรือเจ้าของฉายา “Dream Man” ได้รับการจับตามองอย่างมากในรุ่นสตรอว์เวต
สุดท้าย กฤษดา ก็ได้เปิดเผยถึงที่มาเกี่ยวกับฉายา “Dream Man” ว่า “ตั้งแต่เด็กแล้ว ผมฝันถึงการได้เป็นแชมป์โลก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงได้ฉายานี้ สักวันผมอาจได้เป็นแชมป์โลกจริงๆก็ได้ แต่ ณ ตอนนี้ ผมโฟกัสที่คู่แข่งล่าสุดเท่านั้น ชัยชนะครั้งนี้แหละจะเป็นบันไดให้ผมได้เขยิบเข้าใกล้ความฝันมากขึ้น”
@ credit news –image:: MGR sport.com
