<<>> “ผมผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะ แต่ผมอดทนผมพยายาม ขอให้ทุกคนสู้แบบผม” วลีเด็ดของนักกีฬาขวัญใจมหาชนที่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของคนไทยทั้งชาติ อย่าง ‘ร.อ.สมจิตร จงจอหอ’ อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก ปักกิ่ง 2008 ที่บัดนี้เขาก็ยังสร้างความสุขให้คนไทยอยู่ตลอดมา ในหลายบทบาทคาแร็กเตอร์บนหน้าจอโทรทัศน์

 

 

  ทางทีมข่าวเวิร์คพอยท์ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณสมจิตร อดีตนักกีฬามวยสากลสมัครเล่น เจ้าของเหรียญทองหลายสังเวียน เช่น โอลิมปิกเกมส์ เอเชียนเกมส์ ซีเกมส์ เป็นต้น โดยได้ถามถึงชีวิตครั้นสมัยยังดวลกำปั้นจนมาสู่ศิลปินมืออาชีพในปัจจุบัน ที่ไม่ใช่ทุกคนจะมายืนถึงจุดนี้ได้ โดยคุณสมจิตรกล่าวว่า ตนเองชกมวยสากลมาเป็นเวลากว่า 12 ปี แล้ว ชีวิตของตนอยู่กับกีฬามาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต เมื่อถึงวันหนึ่งตนเองก็ได้แขวนนวม แต่ตนก็ได้รับโอกาสให้เข้ามาสู่วงการบันเทิง ซึ่งก็ต้องขอบคุณทางวงการด้วย ที่ให้โอกาสนักกีฬาคนหนึ่งและมองเห็นถึงความสามารถของผม กับบทบาทในการเป็นนักแสดงและพิธีกร

 

   

คุณสมจิตรได้เล่าถึงชีวิตเมื่อก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงว่า ตนเองได้พยายามพัฒนาศักยภาพในการเป็นนักแสดงและพิธีกรมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าจะถามถึงการเป็นนักแสดงนั้นยากหรือไม่ ตอบได้เลยว่ายากมาก เพราะตนได้แต่แสดงฝีมือการชกบนเวทีมวยให้กับคนดูเท่านั้น แต่ในการพูดสื่อความหมายให้ผู้ชมได้รับชม หรือแม้กระทั่งสื่อสารทางแววตาและการแสดงให้ทุกคนได้ชื่นชม หัวเราะ ร้องไห้ ได้อมยิ้ม ได้มีความสุข ได้เครียดกับตัวนักแสดง เป็นการเล่นที่ทำให้ทุกคนเชื่อ ดังนั้น เชื่อเหลือเกินว่าการเป็นนักแสดงนั้น ยากกว่าการชกมวยเยอะ

 

 

ไม่รอช้ายิงคำถามกับอีกบทบาทของคุณสมจิตร คือการเป็นคอมเมนเตเตอร์ (Commentator) ในหลายรายการ เป็นสิ่งที่ยากหรือไม่เมื่อต้องเข้ามารับหน้าที่นี้ โดยคุณสมจิตรกล่าวว่า การที่ตนเองได้มีโอกาสเข้ามาเป็นคอมเมนเตเตอร์ในหลายๆ รายการ คงเป็นเพราะเรื่องการร้องเพลง ตนเป็นคนชอบร้องเพลง ฟังเพลงมาเยอะมาก ตนเองเกิดมาก็จำได้ว่าฟังเพลงของ สุรพล สมบัติเจริญ ตำนานนักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดัง

 

โดยส่วนตัวชอบฟังเพลงลูกทุ่ง เพลงสตริง เพลงเพื่อชีวิต เรียกได้ว่าทุกอย่างที่เป็นเพลง ใครเอ่ยเพลงอะไรมาตนรู้จักเพราะเคยฟังมาหมดแล้ว ทำให้ตนเองได้เรียนรู้กับการร้องเพลง และในวันหนึ่งก็มีโอกาสได้ใช้ความรู้ตรงนี้ อาจจะเป็นแค่หางอึ่งแต่ก็ได้รับโอกาสเข้ามาสู่การทำหน้าที่คอมเมนเตเตอร์ โดยการทำหน้าที่นี้ตนต้องเรียนรู้ สอบถาม พูดคุยกับอาจารย์และทุกคนที่เขาเป็นครู เพื่อให้เกิดการซึมซับในความรู้นั้น

 

เพราะฉะนั้นความรู้ที่ได้มาตนเองก็เอามานำเสนอให้กับท่านผู้ชมเห็นว่า ตนก็เป็น คอมเมนเตเตอร์ได้ และตนก็นำเสนอในสิ่งที่รู้และคอมเมนต์ให้กับเขา ดังนั้น ความรู้ที่ตนเองได้สะสมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และความพยายามทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด จึงทำให้ตนได้เป็นคอมเมนเตเตอร์ได้หลายรายการ

เมื่อเปิดเรื่องมาก็กล่าวถึงวลีเด็ดของคุณสมจิตรแล้ว คงจะอดถามไม่ได้ว่า “ผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะ” ยังคงเป็นคำพูดที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจของคุณสมจิตรมาถึงปัจจุบันหรือไม่

 

 

คุณสมจิตรตอบว่า วลีเด็ดคำนี้ บอกเลยว่าวันนั้นได้ให้สัมภาษณ์หลังจากที่ตนเองลงจากเวทีมวยที่โอลิมปิก ซึ่งกรรมการชูมือตนเสร็จปุ๊บ ตนเองก็ลงจากเวทีมวยและกำลังเดินเข้าห้องนักกีฬา โดยมีนักข่าวเข้ามาถามว่า อยากพูดอะไรกับคนไทย ในวันนี้ที่เราสำเร็จในการชกมวย

 

ในตอนนั้นตนเองยังจำไม่ได้เลยว่าพูดอะไรออกไป แต่สิ่งที่มันผุดออกมาจากข้างในคือความรู้สึกว่า ตนโดนมาเยอะ เจ็บมาเยอะ ผ่านอะไรมาเยอะ เหนื่อยมาเยอะ ตนเองจึงพูดออกไปอย่างนั้น

 

 

เจ็บ คือเจ็บใจ เจ็บในสิ่งที่ทุกคนเคยดูถูก ทุกคนเคยปรามาสเอาไว้หลายๆ อย่าง ทุกคนเคยมองในสิ่งที่ตนพ่ายแพ้ มองในสิ่งที่ตนผิดหวัง และอีกความหมายหนึ่งคือ ความเจ็บปวดของร่างกาย ที่ต้องผ่านอะไรมามากกว่าจะคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ

 

 

ชีวิตการเป็นนักมวยของตนเองต้องผ่าตัดมาแล้ว 3-4 ครั้ง ที่หน้า ที่แขน 2 ข้าง และที่หลัง ส่วนคำว่า ผ่านมาเยอะ ก็เกิดจากการฝึกซ้อม เหนื่อยจากการอดทนและความเพียรพยายามกับกีฬาที่ตนฝึกซ้อม

 

 

ตนเองรู้สึกว่าความเจ็บนี้มันบ่งบอกถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านอุปสรรค เจอปัญหาทุกๆ อย่าง แต่ก็ผ่านมาได้ตรงที่ตนมีสติ มีปัญญา พอวันหนึ่งที่ตนเองทำอะไรแล้วสำเร็จ ตนจะมองย้อนกลับไปว่า สิ่งที่ผ่านมา นั่นมันเจ็บจากความรู้สึกข้างใน เจ็บมาเยอะ ผ่านมาเยอะ และก็สำเร็จได้ ถ้าเรากล้าที่จะเจ็บ

 

ทางทีมข่าวหวังว่าท่านผู้อ่านจะได้รับแรงบันดาลใจจากอดีตนักมวยขวัญใจมหาชนผู้นี้ ที่มีนามว่า ‘สมจิตร จงจอหอ’ แม้ว่าจะลาสังเวียนบนผืนผ้าใบไปแล้ว แต่อีกบทบาทที่ทำให้คุณสมจิตรยังคงเป็นที่จดจำพร้อมกับวลีเด็ดของเขาอย่างไม่ลืมเลือนจากแฟนๆ ก็เพราะการเป็นนักแสดง พิธีกร และในอีกหลากหลายคาแร็กเตอร์ ซึ่งได้สร้างเสียงหัวเราะและความสุขให้กับผู้ชมมากมายทางหน้าจอโทรทัศน์ และการที่คุณสมจิตรมายืน ณ จุดๆ นี้ได้ทุกนี้ ก็เพราะความเพียรพยายามและความอดทนตลอดมา ซึ่งทำให้ลูกผู้ชายคนนี้ต้องผ่านอะไรมาเยอะ เจ็บมาก็เยอะ แต่เพราะเขาสู้ จึงทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิต

 

 

 

ภาพโดย พรชัย ชาวนาวิก ช่างภาพข่าวเวิร์คพอยท์

 

560000013483401

@ news –image credit :: workpointnews.com

 

 

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments