<<>> การบริหารไฟต์การขึ้นชก และสไตล์การชก

 

     หลายคนอาจจะสงสัยว่าฟลอยด์ทำไมต้องขึ้นชกกับ คอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ ทั้งประวัติศาสตร์ของเขาและศักดิ์ศรีของมวยสากลอาชีพมีโอกาสถูกทำลายหากเขาโดนคอเนอร์น็อก  

     จุดนี้คุณสร้อย มั่งมี แฟนพันธ์ุแท้มวยโลกปี 2002 และผู้สื่อข่าวกีฬาที่ติดตามความเคลื่อนไหวของแวดวงกีฬามวย ได้ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD เผยว่าฟลอยด์เป็นนักมวยที่มีความสามารถและยังเป็นจอมวางแผนตัวยงอีกด้วย

 

Floyd-Mayweather-Jr-Rihanna

                             Photo:    Mirror

 

 “ฟลอยด์เป็นนักมวยที่ฉลาด และมีสไตล์การชกแบบบ๊อกเซอร์ จริงๆ แล้วเป็นมวยฝีมือที่หมัดหนักและคม เป็นนักมวยที่ครบเครื่องทั้งสองสไตล์ในตัวเอง เขาเป็นมวยที่ฉลาด ถ้าไม่มั่นใจว่าชัวร์จริงเขาก็จะรอจังหวะ รอจับทางคู่ต่อสู้ก่อนจะเผด็จศึก เป็นนักมวยที่ไม่เจ็บตัว

     “ฟลอยด์เป็นคนที่ฉลาดในการวางแผนการชก ทุกครั้งที่เขาขึ้นชก เขาทำการบ้านมาอย่างดี เขาเป็นมวยที่มีระเบียบวินัย เวลามีโปรแกรมชกเขาเต็มร้อยตลอด ถึงแม้ว่าจะดูขัดกับภาพลักษณ์ที่เขาแสดงให้เห็น

 

 

     “นักมวยส่วนใหญ่ทำหน้าที่เพียงซ้อมกับขึ้นชก แต่ฟลอยด์เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ที่สำคัญเขาทำการในเชิงธุรกิจ เขาชกมวยไปด้วย เขามีบริษัทโปรโมเตอร์ของตัวเองไปด้วย มีการวางแผนการชกทุกครั้ง โดยเฉพาะตัวของเขาเองเป็นตัวกำหนด เขากำหนดคู่ชกเอง โดยทุกคนที่ฟลอยด์เลือกขึ้นชกบนเวที หมายความว่าฟลอยด์ได้คำนวณอย่างละเอียดแล้วว่าโอกาสชนะต้องมากกว่า อัตราการเสี่ยงแบบ 50-50 เขาก็ไม่ทำ โดยตัวเลือกที่หนักที่สุดที่ฟลอยด์เคยเจอคือ แมนนี่ ปาเกียว ซึ่งใช้เวลาตัดสินใจนานมากกว่าจะขึ้นชกได้ ฟลอยด์ต้องมั่นใจแล้วว่าโอกาสชนะต้องมากกว่าร้อยละ 50 และต้องมีเงื่อนไขที่เหนือกว่าคู่ชกเสมอ คล้ายกับ คอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ ที่สุดท้ายแล้วต้องขึ้นชกภายใต้กฎกติกาที่ฟลอยด์ถนัด นั่นคือมวยสากลนั้นเอง”

 

 

ฟลอยด์เป็นนักมวยที่ขึ้นชื่อไม่ใช่เพียงเพราะฝีมือ แต่ฝีปากของเขาก็เป็นส่วนสำคัญให้มีผู้คนยอมจ่ายเงินเพื่อดูเขาขึ้นชก และส่วนใหญ่มักจะจ่ายเงินเข้าชมเพื่อลุ้นให้เขาแพ้

 

Photo: DON EMMERT/AFP

 

จุดเริ่มต้นของการตลาด

 

     ฟลอยด์เป็นนักมวยที่ขึ้นชื่อไม่ใช่เพียงเพราะฝีมือ แต่ฝีปากของเขาก็เป็นส่วนสำคัญให้มีผู้คนยอมจ่ายเงินเพื่อดูเขาขึ้นชก และส่วนใหญ่มักจะจ่ายเงินเข้าชมเพื่อลุ้นให้เขาแพ้

     จุดเริ่มต้นของสไตล์การพูดจาโอ้อวดของเขาเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เขาขึ้นชกอาชีพได้เพียง 2 ปี โดยมีนักข่าวได้ให้คำแนะนำว่า ฟลอยด์ควรจะแสดงตัวตนของเขาออกมากกว่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัด และกลายเป็นสิ่งที่แฟนกีฬาชื่นชอบตั้งแต่นั้นมา

 

 

     “นั่นเป็นสิ่งที่ช่วยให้ตั๋วเข้าชมขายได้ และผมมาที่นี่เพื่อขายตั๋ว ผมคือนักแสดง และนั่นคือสิ่งที่ผมทำ ผมขายตัวเองได้” และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาฟลอยด์ก็สร้างชื่อเสียงทั้งบนเวที และงานแถลงข่าวก่อนขึ้นชกที่ฟลอยด์มักแสดงท่าที โอ้อวด และพูดจาโอหังดูถูกคู่แข่งตลอดมา จนมาเจอคู่ปรับอย่าง คอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ ที่ปากดีไม่แพ้กันในที่สุด

     ด้วยสไตล์การชกและฝีปากของเขาทำให้มีผู้ติดตามไฟต์ของฟลอยด์อย่างต่อเนื่อง โดยในไฟต์ประวัติศาสตร์ระหว่างฟลอยด์ และ ปาเกียว เขาทำเงินในคืนเดียวถึง 240 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

 

ชีวิตนอกสังเวียนที่ไม่งดงามเหมือนเครื่องประดับราคาแพง

 

     ฟลอยด์เคยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Showtime boxing ก่อนขึ้นชกกับ มาร์กอส ไมดานา (Marcos Maidana) นักชกชาวอาร์เจนตินาว่าเขาอาจจะไม่แต่งงานอีกแล้ว คำตอบนี้สะท้อนถึงความล้มเหลวในชีวิตคู่ของเขาเป็นอย่างดี

     โดยในปี 2011 ฟลอยด์ถูกตัดสินจำคุก 90 วัน หลังจากที่เขายอมรับข้อกล่าวหา การล่วงละเมิดในครอบครัว ในการทำร้าย โจซี แฮร์ริส อดีตภรรยาและติดคุกเป็นเวลา 2 เดือนในปี  2012 ก่อนจะถูกปล่อยตัว

 

 

     ซึ่งสื่อหลายสำนักตั้งข้อสันนิษฐานว่าปัญหาในครอบครัวของฟลอยด์ ไม่ได้จบลงที่พ่อและแม่ของเขา แต่กลับฝังมาอยู่ในตัวของเขาจนทำให้เกิดปัญหาในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ฟลอยด์ก็รักลูกทั้ง 4 คนของเขา และมักจะพาลูกๆ เดินทางไปสถานที่ต่างๆ ที่เขาขึ้นชก

 

 

Photo: Gene Blevins/AFP

 

นักสู้ผู้ไม่เคยหยุดพิสูจน์ตัวเอง กับเดิมพันสุดท้ายของชีวิต

 

     ถ้าดูจากชีวิตของฟลอยด์จะเห็นได้ว่าเขาผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน

     ลืมตาขึ้นมาได้เพียง 23 เดือนเขาก็ได้พบกับความรุนแรงในครอบครัวจนถึงขั้นถูกปืนลูกซองจ่อหน้า ทั้งที่เขาเองอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยการถูกเลี้ยงโดยนักมวย (ซึ่งปรัชญาของนักสู้ที่ดีคือการไม่ยอมแพ้) ฟลอยด์ ไม่ค่อยได้นำอดีตมาเป็นตัวชี้วัดว่าเขาจะล้มเหลวเพราะต้นทุนที่มีน้อยกว่าคนอื่น แต่เขากลับเลือกใช้มันเป็นแรงผลักดันทุกครั้งที่ก้าวขึ้นบนสังเวียน

 

 

     เหตุการณ์หนึ่งที่บ่งบอกความเป็นนักสู้ของเขาได้ดีคือ เมื่อเขามีอายุเพียง 10 ปี ฟลอยด์เดินทางไปแข่งขันมวยสมัครเล่นรายการแรกของเขา แต่เมื่อไปถึงกลับไม่มีนักมวยคนไหนมีประสบการณ์พอที่จะขึ้นชกในรุ่นเดียวกับเขา ฟลอยด์ จูเนียร์ ได้วิ่งไปทั่วยิมเพื่อหาคู่ชก ก่อนที่เขาจะซบลงที่ไหล่ของเพื่อนพ่อเขา และ ร้องไห้อย่างหนักเพราะต้องการขึ้นชกมาก

     “ฟลอยด์ดูเครียดมาก ความผิดหวังดูเป็นสิ่งที่ฟลอยด์ดูจะรับไม่ได้ เขาต้องการจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาเก่งขนาดไหน เขานั่งร้องไห้อยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะเดินมาบอกว่า “อย่าบอกใครนะว่าผมร้องไห้” เพื่อนของฟลอยด์ ซีเนียร์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น

 

 

    และเชื่อว่าแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี ฟลอยด์ยังคงต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเหมือนกับครั้งแรกที่เขาได้ขึ้นชก ว่าเขาเก่งกว่าคนอื่นขนาดไหน โดยสถิติสูงสุดวันนี้คือ ร็อกกี้ มาร์เซียโน (Rocky Marciano) ตำนานนักชกชาวอิตาเลียนได้ทำไว้ที่ ชก 49 ครั้งชนะ 49 ครั้งเท่ากัน

 

 

     มีเพียง คอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ ยอดนักสู้ชาวไอริชซึ่งมีเบื้องหลังที่โหดร้ายไม่แพ้กันเท่านั้น ที่จะเป็นบทพิสูจน์อย่างสุดท้ายในฐานะนักมวยสากลอาชีพของฟลอยด์

 

 

     และอาจเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญที่สุดของชีวิต..

 

@ ข่าวที่เกี่ยวข้อง..

 

                                 – จากเด็กปืนจ่อหน้า พ่อแม่ติดยา เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ 1.. 

 

 

News_NIK-300x300

@ ดิษยุตม์ ธนบุญชัย
Content Creator สำนักข่าว THE STANDARD

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments