<<>> เดินทางกลับสู่ถิ่นเกิดเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น แชมป์โลกขวัญใจชาวไทยรายล่าสุด หลังบุกไปหักปากกาเซียนแทบทุกสำนัก ปราบยอดมวยเบอร์หนึ่งโลกชาวนิคารากัว โรมัน กอนซาเลซ ถึงเมดิสัน สแควร์ การ์เด้น ได้อย่างยิ่งใหญ่เมื่อสิบวันก่อน
ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 29 มี.ค. 60 ยอดนักสู้จากอุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ จึงได้เดินทางกลับคืนสู่อ้อมอกญาติพี่น้อง ท่ามกลางการต้อนรับ มีทั้งขบวนแห่อย่างสมเกียรติ พร้อมพิธีบายศรีสู่ขวัญของชาวเทศบาลตำบลแต้อย่างอบอุ่น เรียกน้ำตาคลอเบ้าลูกผู้ชายอย่างเขาจนเหลือจะกล่าว นานกว่า 6 เดือนแล้ว ที่เจ้าแหลมต้องจากไป ทั้งไข่มดแดง แมลง และหนูนา อาหารโปรดของตนที่เคยขุดคุ้ยหากินตามท้องทุ่งมาแต่อดีต ถูกนำมาวางให้เจ้าแหลมเปิบด้วยความเอร็ดอร่อยสมใจอยากในครั้งนี้
ค่ำคืนนั้นก่อนเอนตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย ภาพความยากลำบากในวันเก่าก่อน เริ่มผุดย้อนคืนมาอีกครั้งในห้วงความนึกคิด…
นับตั้งแต่ไปใช้ชีวิตในเมืองกรุง จน”ทรายทอง ศรีประจัน”หัวหน้าค่ายศิษย์ทรายทอง ขายตนให้กับค่ายนครหลวงโปรโมชั่นของ “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ด้วยค่าตัว 5 หมื่นบาท ด้วยเห็นอนาคตที่ดีกว่ารออยู่เบื้องหน้า ทว่าในระยะแรกเจ้าแหลมก็ยังคงตกที่นั่งอาภัพไม่ได้รับการเหลียวแลเท่าที่ควร ซึ่งนั่นก็หาใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะถึงจะเป็นช่วงยุคปลายของ “พระกาฬหน้าขรึม” วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น มวยเอกของค่ายก่อนแขวนนวม และเสี่ยกำลังมองหาเพชรเม็ดงามรายใหม่ คือ สุริยัน ส.รุ่งวิสัย เพื่อเจียรไนสู่แชมป์โลก แต่สำหรับเจ้าแหลมนั้น การได้มาร่วมสังกัดกับวีระพลยังคงถือเป็นยอดมวยผู้ยิ่งใหญ่ที่ตนเคารพศรัทธา เป็นรุ่นพี่ซุปตาร์ที่ใครๆรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง !!
ทั้ง วีระพล และ”ครูปุ๋ย” อ.สุเทพ ณ นคร ผู้เป็นเทรนเนอร์ในยามนั้น แม้มีภาระหน้าที่ต่อการฟิตซ้อมอย่างคร่ำเคร่ง แต่ก็ยังอดเล็งเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของน้องใหม่ ที่เอาแต่ต่อยกระสอบเพียงถ่ายเดียวอยู่ทุกวี่วันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้กระทั่งหมดเวลาซ้อมในตอนเย็น เจ้าแหลมก็ยังคงมุ่งมั่นชกกระสอบอยู่เพียงลำพัง ทั้งๆที่เพื่อนนักมวยร่วมค่ายคนอื่นอาบน้ำเลิกรากันไปจนหมดแล้ว
“ภูมิ โกศลเสรฐ” ชายหนุ่มรุ่นพี่อีกคนที่โชคชะตาลิขิตให้มารู้จักกัน เป็นอีกผู้หนึ่งที่ต้องเดินทางเข้า-ออกกับค่ายนครหลวงฯ อยู่สม่ำเสมอในช่วงนั้น เนื่องด้วยตัวเองเป็นทั้งแมตช์เมคเกอร์(ผู้ติดต่อนักมวย) และ “ล่าม”ผู้เชี่ยวชาญภาษา ต้องประสานงานติดต่อพานักมวยไทยไปชกในแดนอาทิตย์อุทัยเป็นประจำแทบทุกเดือน ภูมิ ยังจดจำ ความมุ่งมั่นตั้งใจของ นักมวยหน้าใหม่รุ่นน้องเมื่อห้าหกปีที่แล้วได้เป็นอย่างดี
“แหลม มันเป็นคนที่บ้ามวยและทุ่มเทมากพี่ วันหนึ่งมันถูกจับไปล่อเป้าแล้วเกิดผิดคิว โดนหมัดถึงคิ้วแตกต้องปิดพลาสเตอร์กันเลย เป็นคนอื่นวันรุ่งขึ้นเขาต้องหยุดพักให้แผลหายสนิท แต่นี่มัน ยังคงมาซ้อมเหมือนเดิม ไม่มีบ่น ไม่มีท้อ จนวันหนึ่ง ครูปุ๋ยกับพี่วีระพลเห็นความขยันตั้งใจจริงของมัน ก็เลยลองไปกระซิบบอกเสี่ยฮุย แต่เสี่ยก็ยังเฉยๆไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับนักมวยรายนี้ ยังคงปล่อยให้แหลมซ้อมต่อไปตามลำพัง ทั้งนี้ก็เพราะต้องมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับ สุริยัน นครหลวงโปรโมชั่น มวยเอกของค่ายที่กำลังจะเป็นแชมเปี้ยนโลกในระยะนั้น”
“ภูมิ” หนุ่มรุ่นพี่ฟื้นความทรงจำให้ฟังต่อว่า “ผมเห็นเจ้าแหลมไม่มีใครเหลียวแล จนวันหนึ่งผมจึงตัดสินใจ เป็นเทรนเนอร์ล่อเป้าให้ด้วยตัวเอง และตั้งแต่นั้นเราก็เป็นเหมือนพี่น้องที่รู้ใจและสนิทสนมกันตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เขามีความทุกข์ หรือความสุข เราจะคอยปรึกษารับรู้แบ่งเบาภาระด้วยกันตลอดมาโดยไม่ทิ้งกัน”
คำพูดดังกล่าวได้รับการยืนยันจาก “เก๋” พัชรีวรรณ กัณหา แฟนสาวของเจ้าแหลม “พี่ภูมิไม่เพียงจะเป็นเทรนเนอร์คนล่อเป้าจริงๆจังให้พี่แหลมในช่วงแรกๆ แต่เค้ายังเป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ที่คอยให้คำปรึกษาพวกเรามาตลอด หรือแม้กระทั่งเวลาที่เราไม่มีเงิน พี่เค้าก็ยังต้องควักเงินตัวเองเลี้ยงข้าวพวกเรา รวมทั้งแม้กระทั่งจ่ายค่าเช่าห้อง ในเวลาที่เรามีเงินไม่พอจ่าย…”
ในเวลาต่อมา เสี่ยฮุย ได้ดึง “เจ้าวัตร” นวพล ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของ”เจ้าไมค์”สุริยันเข้ามาร่วมสังกัด รวมทั้งปั้นดาวรุ่งร่างสูงโย่ง “ชูการ์ เรย์ นครหลวงโปรโมชั่น” เพื่อหวังผลักดันสู่บัลลังก์โลก ภูมิ ผู้เคยอยู่รวมเหตุการณ์ รำลึกความหลังครั้งนั้นว่า “เจ้าแหลมซึ่งเป็นมวยนอกสายตา ถูกเรียกให้ขึ้นไปเป็นคู่ซ้อมกับชูการ์ เรย์ มวยรุ่นน้อง ปรากฏเจ้าแหลมไล่ถลุง ชูการ์ เรย์ มวยเด็กวัย 18 ปีถึงกับร้องไห้ จนถูกแม่ของของนักมวย ซึ่งเป็นคนทำอาหารมาส่งในค่ายเรียกไปด่าเสียยกใหญ่ ทั้งที่เจ้าตัวหวังจะโชว์ฟอร์มให้เสี่ยได้เห็นถึงฝีมือ แต่กลับกลายเป็นความผิดหวัง ที่ตนยังคงไม่ได้รับการเหลียวแลอยู่เช่นเดิม
ถึงกระนั้น เขายังคงทุ่มเทกับการฟิตซ้อมต่อไป แม้จะรู้สึกตัวเหมือนเป็นเพียงไม้ประดับในค่าย และด้วยคำพูดของ วีระพล แชมป์โลกรุ่นพี่ก่อนจะแขวนนวมอำลา ที่ฟันธงทิ้งท้ายก่อนเก็บกระเป๋าเดินทาง เอ่ยปากบอกฝากรุ่นน้องกับภูมิผู้เป็นเทรนเนอร์ไว้ว่า
“ภูมิต้องช่วยดูแล ประคับประคองน้องๆพวกนี้เอาไว้นะ เจ้าวัตร(นวพล) และ เจ้าแหลม(ศรีสะเกษ) จะเป็นมวยดีมีอนาคตในวันข้างหน้า เพราะเจ้าวัตรนั้นคือมวยสไตล์ฝีมือ แบบนักชกเม็กซิกัน ส่วนแหลมเป็นมวยไฟเตอร์ดุดัน สองคนนี้ต้องสร้างควบคู่กันไป แล้ววันหนึ่งจะต้องได้แชมป์โลก..!!”
นั่นคือวาทะของยอดมวยรุ่นพี่ผู้เป็นขวัญใจ อันเปรียบเสมือนเป็นแรงผลักดันให้ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น มุ่งมั่นตั้งใจกับการฟิตซ้อมต่อไป ด้วยความหวังที่ว่า สักวันหนึ่งข้างหน้าสวรรค์คงมีตา และฟ้าคงเปิดโอกาสให้กับตนเข้าสักวัน….
(ติดตามตอนต่อไป) – เครดิต ทีมงานโต๊ะกีฬา ข่าวสด
<<>> ตอนที่2..ถึงแม้ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น จะเดินทางกลับถึงมาตุภูมิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังคว้าแชมเปี้ยนโลกกลับคืนมาอีกครั้ง ด้วยการเอาชนะ โรมัน กอนซาเลซ ท่ามกลางการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมได้รับเงินอัดฉีดจากผู้สนับสนุนก้อนแรกจากโอสถสภา จำนวนถึง 1 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นบำเหน็จล้ำค่า เป็นจำนวนมหาศาลมากกว่าค่าตัวที่เขาได้รับเสียอีก ไม่เพียงเท่านั้น “เจ้าแหลม” ยังจะได้อานิสงส์อีกมากมายตามมา เสมือนเป็นการชดเชยให้กับความอุตสาหะของตนที่สู้อดทนแลกกับความยากลำบาก ซ้ำยังต้องพบกับความผิดหวังมาเกือบตลอดทั้งชีวิต…
แต่มีใครสักกี่คนจะรู้ แล้วใครเล่าสักกี่คนจะเชื่อ ?? หากสื่ออเมริกันไม่ยื่นไมค์จ่อปาก ยิงคำถามผ่านล่าม ถึงชีวิตในอดีตของนักชกไทย ก่อนจะมาพิชิตยอดมวยเบอร์หนึ่งของโลกลงได้ที่ เมดิสัน สแควร์ การ์เด้นว่า
…”คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อต้องใช้ชีวิตจากเด็กเก็บขยะ จนกลับกลายมาเป็นแชมเปี้ยนโลก ณ วินาทีนี้..?!?!”
น่าเสียดาย ที่ลูกชายของ”เสี่ยฮุย”ผู้จัดการซึ่งเป็นล่ามยืนอยู่ข้างๆบนเวทีในตอนนั้น กลับไม่ยอมแปลคำถามให้ละเอียด เจ้าแหลมจึงไม่ได้ขยายที่มาของความเป็นจริงให้โลกได้รับรู้
ถึงวันนี้ ลองย้อนกลับไปในอดีต รื้อฟื้นเรื่องราวอันเป็นที่มาชีวิตของ “ยอดนักสู้ผู้อหังการ” ซึ่งคงไม่มีใครให้รายละเอียดได้มากเท่ากับ ผู้ที่ได้ใกล้ชิดคลุกคลีกันมานานถึง 13 ปีอย่าง ..”น้องเก๋” พัชรีวรรณ กัณหา สาวสวยเพียงหนึ่งเดียว ผู้เป็นเจ้าของหัวใจของชายที่ชื่อเดียวกับจังหวัดบ้านเกิดของเขา
“เก๋” สาวอุทุมพรพิสัยวัยใกล้สามสิบ เล่าว่า “เรารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วละค่ะ ตอนนั้นเก๋เรียนอยู่ ม. 4 พี่แหลม(ศรีสะเกษ) เขาอยู่ ม.5 เขาเป็นรุ่นพี่เราหนึ่งปี เหตุที่เรามาเจอกันก็เพราะโรงเรียนของเรานั้นอยู่ใกล้กันในอำเภอเดียวกัน ถามว่า..ใครไปจีบใครก่อน…อืมม์” (ยิ้มอายๆก่อนตอบ)
“ก็เก๋นี่แหละค่ะ !! เพื่อนของเก๋เป็นคนแนะนำ ตอนแรกก็คิดจะจีบเล่นๆ คือเดิมที มีคนมาชอบหนูเยอะตอนนั้น เพื่อนก็บอกว่าให้ลองไปจีบพี่เค้าเล่นๆดู ทีนี้พอติดขึ้นมา เขาก็เลยไม่ไปไหน เราก็เลยเป็นแฟนติดกันไปเลยตั้งแต่นั้น…”
“ยุคก่อนสมัยนั้น ยังไม่มีโทรศัพท์มือถืออะไรเหมือนอย่างทุกวันนี้ เราก็แค่คุยกัน พี่แหลมเขาเป็นคนดี เป็นคนใจเย็น พ่อแม่เราก็ไม่ได้กีดกัน ตลอดเวลาที่คบกันมา เขาไม่เคยให้เก๋ต้องลำบาก เขาจะทำเองทุกอย่าง ดูแลเรามาตั้งแต่เด็กครั้งอยู่บ้านนอกด้วยกันที่ศรีสะเกษ”
“จนเรียนจบเราตัดสินใจเข้ามาหางานทำในกรุงเทพด้วยกัน จำได้ขึ้นรถไฟครั้งแรกทำตั๋วหาย เราต้องคอยแอบหลบนายตรวจบนตู้โบกี้จนมาถึงกรุงเทพ ไปอยู่แถวบางนา เราเคยเดินหางานกันไปตามลำพังจากบางนาถึงสำโรง ไม่มีใครรับเราทำงานเลย มีตังค์เหลือแค่ 10 บาท ไม่พอสำหรับเราสองคนที่จะขึ้นรถเมล์กลับ พี่แหลมจะให้เก๋ขึ้นรถกลับไปก่อน แต่เก๋ไม่เอา เก๋ไม่ยอม บอกพี่เขาว่า เรามาด้วยกันก็ต้องเดินกลับด้วยกัน สุดท้ายวันนั้นเราเดินไปกลับเป็นระยะทางไกลตั้งร่วม 20 กิโลเหนื่อยมากวันนั้น แต่หนูยังจำได้ดี”
“จนวันหนึ่งพี่เขาไปสมัครงาน ได้เป็นยาม รปภ. ที่ห้างเซ็นทรัล บางนา เขาก็ยังต้องหารายได้เล็กๆน้อยๆมาเสริม เดินเก็บขวดเปล่าไปขาย เจออาหารกระป๋องใกล้หมดอายุที่เขาทิ้งก็เอามากินประทังชีวิต เรื่องมีตังค์เหลือ 5 บาท ซื้อมาม่าซองเดียวมาต้มกินกันนั้นเป็นเรื่องจริง เพียงแต่พี่เขาไม่รู้หรอกว่า หนูอยากจะลองใจพี่เขาตอนนั้น จริงๆแล้วหนูมีเงินเหลือเพียงแค่ 200 บาทแต่แอบเก็บเอาไว้ แล้วบอกพี่เขา เรามีแค่นี้ พี่เขาไปซื้อบะหมี่มาต้ม แล้วให้เรากินเนื้อ ส่วนเขาก็ซดเอาแต่น้ำ..นี่เป็นเรื่องจริง !!”
สาวเจ้าของหัวใจแชมป์โลก ฟื้นความทรงจำอีกว่า “เรามาเช่าคอนโดอยู่แถวบางนา เดือนละสี่พันห้า งานบ้านอะไรต่างๆ พี่แหลมเป็นคนทำให้หมด เขาเป็นคนทำอาหารเอง ทำกับข้าวอร่อยด้วย ยิ่งส้มตำหรือยำมะม่วงนี่ พี่เค้าทำอร่อยแซ่บมาก จนไม่อยากจะเชื่อ พี่แหลมเขาเป็นคนจิตใจอ่อนโยน ไม่เคยโมโหไม่เคยทุบตีทำร้ายเรา ตลอด 13 ปีที่อยู่ใช้ชีวิตด้วยกันมา เวลาเราลำบากหรือมีปัญหา มีแต่เก๋ที่จะเป็นคนโมโหเหวี่ยงใส่เขาก่อน ..บางทีขึ้นมึง ขึ้นกูด้วยนะ แต่พี่เขาจะเป็นคนเตือนสติบอกเราว่า
เก๋พูดไม่เพราะเลย ทำไมพูดแบบนี้ เขาเป็นคนใจเย็นมาก แล้วเป็นคนที่รักสัตว์ ไม่ว่าจะหมา หรือแมว เขาเป็นคนจิตใจอ่อนไหว จับมาอุ้มจับมาหอมกอดได้หมด โดยไม่รู้สึกรังเกียจอะไรเลย”
ผู้เล่า หยุดนิ่งถอนหายใจ ก่อนขยายความต่อ “…แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เวลาขึ้นไปชกมวยอยู่บนเวทีครั้งใด ดูเหมือนเขาจะจริงจังและทุ่มเทให้กับการชกอย่างสุดชีวิต เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆ สมัยชกมวยไทยอยู่บ้านนอกแล้ว ถึงจะโดนคู่ชกตีศอกใส่จนหน้าตาแตกเลือดท่วมร่าง แกก็ยังจะกัดฟันสู้ต่อไม่ยอมถอย เดินบุกตะลุยจนเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในที่สุด แล้วไม่ว่า ที่ไหน มีเปรียบมวย ตามงานวัด เวทีภูธร แกตระเวณไปต่อยหมด แพ้บ้างชนะบ้าง ถึงจะมีเงินเดิมพันแค่ห้าร้อยหรือหนึ่งพัน แกก็จะกัดฟันรับคำท้าสู้ตลอด ยอมลำบากเจ็บตัวแสนสาหัสแค่ไหนก็ไม่เคยถอย ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า พี่เขาต้องเผชิญเรื่องร้ายๆเหล่านั้นมาเยอะ”
“แม้มันอาจดูเหมือนเขาจะมีความสุข ที่ได้ปลดปล่อย เหมือนกับได้ระบายสิ่งเลวร้ายต่างๆในชีวิตเหล่านั้นออกไปบนเวทีก็ตาม แต่ก็หนูก็ยังอดเป็นห่วงพี่เขาอยู่เสมอ”
<<>> เหตุการณ์คืนวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม ค.ศ.2017 (ตรงกับช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 19 ตามเวลาไทย) เชื่อว่าแฟนๆชาวไทยทั้งประเทศคงดื่มด่ำกับความสุข ในชัยชนะของนักมวยตัวเล็กๆชาวไทย ผู้มีนามว่า “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” กันถ้วนหน้า หลังเจ้าตัวได้รับการชูมือประกาศชัยชนะเหนือคู่ต่อสู้ชาวนิคารากัว “โรมัน กอนซาเลซ” กลายเป็นแชมเปี้ยนโลก ซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก WBC คนใหม่อย่างเต็มภาคภูมิ…
ไม่เพียง “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ จะคว้าแชมป์โลกเส้นเดิมที่เขาเคยครองอยู่กลับคืนมาอีกครั้ง ทว่าการชกไฟต์นี้ยังเป็นชัยชนะเหนือ คู่ต่อสู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักมวยที่ดีที่สุดเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์” คนล่าสุดของวงการมวยโลกอีกด้วย แถมยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นชัยชนะของนักมวยไทยคนแรก ที่บุกมาชกถึง “เมดิสัน สแควร์ การ์เด้น” ใจกลางมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อันเป็นสังเวียนมวยเก่าแก่ที่โลกยกย่องให้เป็น “เมกกะวงการมวย” กันเลยทีเดียว !!
ในอดีตเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา ฟ้าลั่น ศักดิ์กรีรินทร์ เคยมาชิงแชมป์โลก WBO รุ่นไลฟ์ฟลายเวต พ่ายคะแนน เนลสัน เดี๊ยบป้า นักชกเจ้าถิ่นผิดหวังกลับไป ถัดจากนั้นมาอีกสี่ปี ยอดสนั่น 3 เค แบตเตอรี่ หอบเข็มขัด 130 ปอนด์ สมาคมมวยโลก WBA มาทิ้งให้ บิเซนเต้ มอสเกวร่า ผู้ท้าชิงปานามา หลังพ่ายคะแนนไปแบบดุเดือดผลัดกันร่วงผลัดกันนับ จวบกระทั่ง “เจ้าแหลม” นักชกไทยรายที่สามบุกมาคว้าชัยชนะได้สำเร็จกลายเป็นคนแรกถึงสังเวียนแห่งนี้
และถึงแม้ ศรีสะเกษ จะเอาชนะ กอนซาเลซ ไปอย่างไม่เอกฉันท์ 2-1 เสียง ด้วยคะแนนเสมอ 113-113 (จาก วาเลสก้า โรลแดน) และชนะสองเสียงเท่ากัน 114-112 จาก เกล็น เฟลด์แมน และ จูเลีย เลเดอร์แมน (กก.หญิง) ที่ล้วนเป็นผู้ตัดสินสหรัฐยกชุด แต่บรรดาสื่ออเมริกันในยุคปัจจุบัน ที่นิยม”เลือกข้าง” ก็ยังพากันออกมาแขวะผู้ตัดสินชาติเดียวกันตน โดยเฉพาะทั้งสองท่านที่เทแต้มให้นักชกไทย อาจเป็นเพราะเกรงสถิติของ “ร็อคกี้ มาร์เซียโน่” ยอดมวยอเมริกันผู้เป็นตำนานรุ่นเฮฟวี่เวตตลอดกาล (ไร้พ่าย 49 ไฟต์) จะเสียสถิติถูกทำลายด้วยน้ำมือของ โรมัน ซึ่งเป็นนักชกนิคารากัว ผู้กำลังไล่กวดมาติดๆด้วยชัยชนะ 46 ครั้ง ก่อนจะมาหยุดที่เจ้าแหลมในไฟต์นี้ หรืออย่างไร..??
แม้กระนั้นก็ยังมีหลายเสียงชื่นชมฝีมือของนักมวยไทย หลายคนในโลกออนไลน์ฝรั่งอเมริกันยังเห็นว่า สไตล์การชกแบบ”เซาธ์ปอว์”หรือมวยถนัดซ้าย อันมุทะลุดุดันของเจ้าแหลมที่เห็นกันชัดถนัดตาในไฟต์นี้ ดูๆไปชักละม้ายคล้ายกับ ยอดมวยโลกเอเชียอย่าง “แมนนี่ ปาเกียว” ด้วยเหมือนกัน
…และไม่ว่า คำวิพากษ์ต่างๆนานา และทัศนะของใครจะเห็นต่างกันอย่างไร จะมีใครรู้บ้างไหม ถึงความยากลำบาก กว่าจะหวนกลับมาผงาดครองแชมป์โลกได้เป็นคำรบสองอีกครั้งของ นาย”วิศักดิ์ศิลป์ วังเอก”
หนุ่มวัย 30 ปีจากอุทุมพรพิสัย ผู้ขอใช้ชื่อจังหวัดบ้านเกิดสวมรอยขึ้นชกมวยหากินเป็นวิชาชีพ และมีเพียง “น้องเก๋” พัชรีวรรณ กัณหา กำลังใจจากหญิงคนรัก ตั้งแต่สมัยวัยเรียนมัธยม ที่ยอมสมัครใจเลือกมาใช้ชีวิตเผชิญชะตากรรมด้วยกันในเมืองกรุง จากงานรับจ้าง รปภ. เป็นเด็กเก็บอาหารกระป๋องจากกองขยะ สลับตระเวณชกมวยล่าเดิมพัน ไล่ตามความใฝ่ฝันที่จะเป็นแชมป์โลก ต้องผจญอุปสรรคมากมาย ทั้งความอดอยาก ความเจ็บปวด ล้มเหลว ผิดหวัง ถึงขนาดท้อแท้ จนเกือบจะถอดใจไม่ไปชกที่ เมดิสัน สแควร์ การ์เด้น ในครั้งนี้เสียด้วยซ้ำ
เพราะเหตุใด ด้วยอะไร จึงทำให้เขาเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย ก่อนจะกลายเป็น จอมหังการ บุกไปสร้างประวัติการณ์อย่างยิ่งใหญ่เหนือแผ่นดินในทวีปอเมริกาได้ในที่สุด...มีต่อ…...
@ “ศรีสะเกษ”..ยอดมวยอหังการ จากเส้นทางสุดโหดสู่..”เมกกะมวยโลก”อเมริกา
#ขออภัย โฆษณามารบกวน แต่ถ้าไม่มีเขาวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะไม่มีไทยเรค ดูนิดนะคับ
@ news –image – credit :: www.khaosod.co.th
