<<>> มร.กิต แมคคอนเนลล์ ผู้อำนวยการด้านกีฬาของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เปิดเผยว่า ไอโอซีได้ยอมรับให้กีฬา 2 ชนิด ได้แก่ กีฬาเชียร์ลีดดิ้งและมวยไทย เป็นกีฬาสำรองเพื่อพิจารณาบรรจุเข้าร่วมชิงชัยในโอลิมปิกเกมส์ โดยกีฬาทั้ง 2 ชนิด จะได้รับเงินจากกองทุนของไอโอซีจำนวน 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 875,000 บาท เพื่อนำไปใช้สำหรับการพัฒนากีฬาแต่ละชนิดในอีก 3 ปีหลังจากนี้
“เชียร์ลีดเดอร์เป็นกีฬาที่มีความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าจะช่วยให้เยาวชนมีความแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างแน่นอน โดยสหพันธ์เชียร์นานาชาติ หรือไอซียู มีสมาชิกทั่วโลกกว่า 100 ประเทศ และมีนักกีฬาที่ลงทะเบียนใกล้เคียง 4.5 ล้านคน เห็นได้ว่ากีฬาชนิดนี้มีผู้ให้ความสนใจค่อนข้างมากเลยทีเดียว ส่วนการตัดสินนั้นจะแตกต่างจากเชียร์ลีดดิ้งที่เคยเห็นในการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลหรือบาสเกตบอลอย่างแน่นอน ทุกอย่างจะคิดเป็นคะแนนจากความสมบูรณ์ ความสวยงาม ท่าเต้น กลวิธี ความประทับใจ เป็นต้น” มร.กิต แมคคอนเนลล์ กล่าว
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการด้านกีฬาของไอโอซี ยังกล่าวถึงมวยไทยด้วยว่า มวยไทยเป็นกีฬาที่เป็นที่แฟร่หลายเช่นกัน ปัจจุบันมีองค์กรเกี่ยวกับมวยไทยถึง 135 องค์กร และกว่า 60 แห่งเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการโอลิมปิกของแต่ละชาติ โดยรวมมีนักกีฬาที่ลงทะเบียนกว่า 4 แสนคน ซึ่งไอโอซีได้เพิ่มกีฬา 2 ชนิดเข้ามาชั่วคราว ทำให้กีฬาที่ไอโอซีให้การยอมรับและอยู่ในข่ายได้พิจารณาเพื่อบรรจุแข่งขันโอลิมปิกเกมส์มีจำนวน 37 ชนิด (ไม่ได้บรรจุชิงชัยทั้งหมด)
สำหรับการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ค.ศ.2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีการบรรจุกีฬาชนิดใหม่ร่วมชิงชัยทั้งสิ้น 6 ชนิด รวมถึง กระดานโต้คลื่น, ปีนหน้าผา และคาราเต้โด โดยกีฬาชนิดใหม่ที่จะถูกบรรจุในโอลิมปิกเกมส์จะต้องใช้เวลาดำเนินการทั้งหมดประมาณ 7 ปี อย่างไรก็ตาม เมืองเจ้าภาพจะได้รับอนุญาติให้นำเสนอกีฬาที่พวกเข้าเลือกให้สามารถบรรจุร่วมชิงชัยได้ด้วย ทั้งนี้ การบรรจุกีฬาเชียร์ลีดดิ้ง และมวยไทย เข้าเป็นกีฬาสำรองในโอลิมปิกเกมส์ ถือเป็นโอกาสของประเทศไทยในการคว้าเหรียญรางวัลในศึกโอลิมปิกเกมส์ในอนาคต เนื่องจากกีฬาทั้ง 2 ชนิด นักกีฬาไทยถือว่ามีผลงานในระดับโลกอยู่แล้ว..
@ credit news –image :: dailynews sport /kachon.com /www.thairath.co.th/www.sportclassic.in.th
