-@@- ตามที่ “ยอดมวยคลาสสิก” ได้เคยรายงานไปแล้วว่า “ครูตุ๊ย” ยอดธง เสนานันท์ ปรมาจารย์มวยไทยผู้ล่วงลับคือ “ผู้พิทักษ์มวยไทย” ที่ได้รับการยอมรับกันมาเป็นเวลานานแล้ว บทบาทสำคัญก็คือไล่ชก “โอซามุ โนกูจิ” เจ้าของตำรับ “คิกบ็อกซิ่ง” ชาวญี่ปุ่น ในสนามมวยเวทีราชดำเนิน ฐานเป็นชาวต่างชาติแล้วคิดจะมาสอน “มวยไทย” ให้กับเจ้าของต้นตำรับตัว จนหนีแทบไม่ทัน

 

433373-01

 

และสืบสาวราวเรื่องกันต่อไปก็จะพบว่าการเจอกันระหว่าง “มวยไทย” กับ “คิก บ็อกซิ่ง” ครั้งแรก ก็เกิดขึ้นจากไอเดียริเริ่มของ “ไอ้กระหร่องเทศ” โอซามุ โนกูจิ ที่เข้ามาวนเวียนอยู่ในวงการมวยเมืองไทยตั้งแต่ปี 2503

ตอนแรก โนกูจิ ก็ดำเนินธุรกิจมวย ด้วยการเอามวยสากลไทยไปชกกับญี่ปุ่น และจัดหานักมวยญี่ปุ่นมาชกกับนักมวยไทย

 

 

มาตอนหลังเกิดไอเดียกระฉูด นำเอาศิลปมวยไทยไปผสมผสานกับคาราเต้ของญี่ปุ่น กลายเป็นศิลปการต่อสู้พันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า “คิก บ็อกซิ่ง” หลังจากซุ่มฟิตซ้อมนักมวยของตัวเองอยู่เป็นปี ก็ยกนักมวยคิก บ็อกซิ่ง ญี่ปุ่น ยกพลมาบุกเมืองไทย และจัดชกขึ้นที่เวทีลุมพินี เมื่อวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2507 ซึ่งต้องจารึกไว้ว่า เป็นศึกคิก บ็อกซิ่ง นัดแรกของไทย

 

 

การชกหนนั้น นักมวยญี่ปุ่นมีด้วยกัน 3 คนคือ ฟูจิฮาร่า,นากามูร่า และ คุโรซากิ ซึ่งทางไทยประเมินนักมวยคิก บ็อกซิ่ง ชุดนี้ไว้ต่ำมาก จัดมวยแค่ระดับกลาง กับต่ำขึ้นรับมือ กล่าวคือ ให้ เห่าไฟ ลูกคลองตัน ดาวร่วงที่ใกล้จะเมาหมัดรอมร่อ ชกกับ ฟูจิฮาร่า ตั้ง แชเล้ง เทรนเนอร์ค่ายมวยลูกยอดฟ้าที่ต่อยกับนากามูร่า มีเพียงคู่ของคุโรซากิ ที่ให้ยอดมวยดังอย่าง “จรวดทัพฟ้า” ราวี เดชาชัย ขึ้นชก แต่ก่อนหน้านั้น ราวี ก็หายหน้าไปนานนับปีเหมือนกัน

 

ราวี-คิกบ๊อกซิ่ง

 

ครั้งนั้น มีแฟนมวยสนใจเข้าชมกันแน่นขนัด แต่แฟนมวยก็ต้องซึมไปเลย เพราะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่นักมวยไทยประสบความปราชัยต่อนักมวยต่างชาติ แถมแพ้ในบ้านตัวเองอีกด้วย การชกหนนั้น มีกติกาคล้ายมวยไทย แต่คิก บ็อกซิ่ง มีขัดขา จับทุ่ม และ หัวชนได้ ปรากฎว่า มีเพียง “จรวดทัพฟ้า” ที่ใช้ศอกสะบัดฟันทั้งซ้ายและขวา จนคุโรซากิ หน้าตาแหกยับ

 

ให้กรรมการนับ 10 ไปแค่ยกสอง พี่เลี้ยงต้องหิ้วปีกลงจากเวที ในสภาพที่บอบช้ำที่สุดในชีวิต ใต้ตาซ้ายแตกเย็บ 3 เข็ม จมูก ปากแตก เลือดเปรอะไปหมด แต่อีก 2 คนที่เหลือ ตั้ง และ เห่าไฟ พ่ายน็อกไปแบบไม่มีประตูสู้ ต่อมา มีการแฉว่ารายการนี้เป็นรายการ “แหกตา” เพราะ “ตั้ง แชเล้ง” นักมวยจีนที่มาอยู่ร่วมในทีมไทย ถูกจับได้ว่า ไม่ได้ชกมวยมาแล้ว 3 ปี และซ้อมก่อนชกเพียง 5 วันเท่านั้น

 

 

ส่วนอีกรายที่แพ้คือ “ไอ้หล่อ” เห่าไฟ ลูกคลองตัน ก็ถูกแฉว่า ถูกหลอกให้ยอมแพ้ เพื่อจะได้เดินทางไปชกแก้ตัวที่ประเทศญี่ปุ่น กลับไปถึงประเทศญี่ปุ่น โนกูจิ โวลั่นว่า “คิก บ๊อกซิ่ง” เป็นศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้เกี่ยวข้องในวงการมวยไทยเป็นอย่างยิ่ง ตำนาน “ศึกคิก บ็อกซิ่ง” หนแรก จึงจบลงด้วยความค้างใจแฟนมวยไทย

 

rawi

 

ก่อนที่ต่อมา คนในวงการมวยจะจับไต๋ได้ว่า โอซามุ โนกูจิ ใช้เล่ห์กลสารพัดเพื่อไปกระพือความดังให้กับ “คิก บ๊อกซิ่ง” และสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองเท่านั้น หาได้มีความรักในศิลปะป้องกันตัวแต่อย่างใดไม่ การที่นักธุรกิจมวยชาวญี่ปุ่นผู้นี้มิได้นับถือ ยกย่อง มวยไทย ด้วยหัวใจอันแท้จริง แต่กลับไปยักย้ายเอามวยไทยไปเปลี่ยนแปลงชื่อเป็นอื่นไปเสีย ใครที่ประพฤติเช่นนี้ก็จะแพ้ภัยตัวเอง

 

และในที่สุด คิก บ็อกซิ่ง ก็ไม่ได้รับความนิยมและ “ตาย” ไปในที่สุด..

 

@ ขอขอบคุณ ภาพ-ข่าว จาก : www.sportclassic.in.th-www.sanook.com

เชิญแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

comments